PTT บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย เดินหน้ารุกขยายธุรกิจใหม่ และธุรกิจ Life Science แบบเต็มตัว!!
กันตธร วรรณวสุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมดิเอเตอร์ จำกัด ผู้ดำเนินโครงการ TJRI (Thai – Japanese Investment Research Institute) เชื่อมความสัมพันธ์ธุรกิจไทย – ญี่ปุ่น มีเป้าหมายในการสร้างธุรกิจที่เกิดประโยชน์ต่อผู้ร่วมธุรกิจทั้งสองประเทศ *สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถอ่านต่อได้ ที่นี่
โดย TJRI มุ่งหวังสร้างโอกาสให้องค์กรญี่ปุ่นและองค์กรไทยได้ทำความรู้จัก เข้าใจ และเข้าถึงซึ่งกันและกัน ผ่านการจัดสัมมนาและแนะนำสิ่งที่องค์กรไทยต้องการหรือกำลังมองหา
ซึ่งในครั้งนี้ ทางโครงการตั้งใจจะแนะนำให้นักลงทุนและบริษัทญี่ปุ่นได้รู้จักกับ “บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย” คือ “บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)”
เมื่อพูดถึง ปตท. ทุกคนจะทราบกันดีว่ามีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะบริษัทพลังงานครบวงจรที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติและธุรกิจน้ำมัน แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ปตท. ได้มุ่งเน้นการสร้างความหลากหลายทางธุรกิจและนวัตกรรมมากขึ้น ในปี 2020 ได้ก่อตั้ง Innobic (Asia) Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% โดยมีความมุ่งมั่นหลักเกี่ยวกับ “Life Sciences” เช่น ยา อาหารเพื่อสุขภาพ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 2 พันล้านบาท นอกจากนี้ ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปตท. ได้ลงทุน 1.56 พันล้านบาท และ เข้าถือหุ้น 6.6% ในบริษัทยารายใหญ่ที่สุดของไต้หวัน “Lotus Pharmaceutical Company Limited” ที่กำลังพัฒนายาต้านมะเร็ง และเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก็ยังเร่งดำเนินการขยายประเภทธุรกิจ ผ่านการร่วมลงนาม MoU กับ “Foxconn” เครือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการบริการการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (EMS) อันดับหนึ่งของโลก โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาแพลตฟอร์มรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญร่วมกัน
ในอนาคต ปตท. ยังคงมีนโยบายที่จะมุ่งมั่นจัดการด้าน “พลังงานทดแทน (Renewable Energy)” เช่น การผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฮโดรเจน ฯลฯ และหากมีองค์กรหรือสถาบันวิจัยสัญชาติญี่ปุ่นที่มีเทคโนโลยีในสาขาเหล่านี้ ปตท. ก็มีความตั้งใจที่จะพิจารณาความร่วมมือเพื่อพัฒนาต่อไป
ในงาน “Open Innovation Talk” ครั้งนี้ TJRI จะมุ่งเน้นไปที่ “นวัตกรรม” และแนะนำให้นักลงทุนญี่ปุ่นได้รู้จักกับบริษัทไทยที่คนไทยภาคภูมิใจ จึงอยากเชิญชวนคนไทยทุกท่านมาร่วมกันรับฟังทิศทางการพัฒนาธุรกิจในอนาคตของ ปตท. ไปพร้อมๆ กัน
Seminar Details
Open Innovation Talk EP.002 | PTT Public Company Limited
วันพุธที่ 7 กรกฏาคม 2021 15:00 – 16:30
ผู้ดำเนินรายการ : กันตธร วรรณวสุ|CEO mediator co., ltd.
การเข้าร่วม : สัมภาษณ์สดผ่านระบบสัมมนาออนไลน์ ZOOM Webinar
ภาษา : ภาษาไทย-ญี่ปุ่น (แปลสลับ)
ค่าใช้จ่าย : ไม่มีค่าใช้จ่าย
ผู้จัด : Thai – Japanese Investment Research Institute (TJRI)
Guest Speaker
Ms.Pornthip Cherdchuvutikul
Vice President, Technology and Engineering Group Alignment Department, PTT PLC [WEB]
ดูแลการทำงานร่วมกันด้านเทคโนโลยีและวิศวกรรมที่สำคัญของบริษัทในเครือปตท. เพื่อตอบโจทย์ “การนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดผลทางธุรกิจ” ทั้งยังมีบทบาทในการกำกับดูแลธุรกิจของ ปตท. และบริษัทในเครือ
Dr.Nat Ativitavas
Vice President, PTT PLC / Deputy Managing Director, Innobic (Asia) Co., Ltd. [WEB]
รองประธาน Innobic (Asia) Co., Ltd. บริษัทใหม่ที่จัดตั้งขึ้นโดยปตท. ถือหุ้น 100% เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจ Life Science อย่างจริงจัง
Agenda
1. แนะนำ TJRI
2. แนะนำความต้องการของบริษัทไทย
3. Open Innovation Talk สัมภาษณ์ผู้บริหารไทย
- แนะนำภาพรวมธุรกิจใหม่ของ ปตท.
- เป้าหมายของ Innobic (Asia) ในด้าน “ธุรกิจยา” และแผนธุรกิจในอนาคต
- ความตั้งใจของปตท. เพื่อมุ่งสู่สังคมที่ยั่งยืนใน 1ปี, 5ปี และ 10 ปีหลังจากนี้
4. Q&A
ปัจจัยสำคัญในการเลือกไทยเป็นฐานการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยที่ผ่านมาหลายทศวรรษนั้น เกือบทั้งหมดเกิดจากการที่นักลงทุนญี่ปุ่นพิจารณาจากสาธารณูปโภคพื้นฐาน ค่าแรงงาน สิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือการที่มีบริษัทลูกค้าที่เป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเหมือนกันมาลงทุนอยู่ก่อนแล้วในไทย โดยมองประเทศไทยเป็นเพียงฐานการผลิตสินค้า ไม่ได้มีการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจใดที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการไทยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาทั้งที่ตั้งอยู่ในประเทศเดียวกัน จึงทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่น เพราะไม่ได้มีธุรกิจที่เชื่อมโยงต่อเนื่องภายในประเทศไทย โครงการ TJRI และกิจกรรม “Open Innovation Talk” จึงถูกริเริ่ม เพื่อเป็นตัวกลางในการติดต่อประสานงาน สร้างให้เกิดกรอบความร่วมมือความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ ที่ไม่จำกัดเฉพาะการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสินค้า แต่เป็นการร่วมคิดร่วมสร้างโดยใช้จุดแข็งของทั้งสองประเทศ เพื่อนำไปสู่การสร้างความสามารถในการแข่งขันในตลาดสากลของทั้งสองประเทศต่อไป