สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย (TFA) xTJRI ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน TJRI Business Networking in Future Food Industry

สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย (TFA) xTJRI ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดงาน TJRI Business Networking in Future Food Industry

เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยการลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทย (TJRI) ดำเนินกิจการโดย mediator Co., Ltd. ร่วมกับ สมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย (TFA) เป็นเจ้าภาพจัดงาน Networking แลกเปลี่ยนข้อมูลอันเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจและสร้างโอกาสพบปะระหว่างผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม Future Food นับเป็นการจัดงาน Networking ครั้งที่ 3 ของ TJRI ที่ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี มีตัวแทนจากบริษัทไทยและญี่ปุ่นเข้าร่วมงานรวมกว่า 80 คน ตอกย้ำการเป็นสะพานเชื่อมไทย-ญี่ปุ่น นำไปสู่โอกาสในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจของทั้ง 2 ประเทศในอนาคต

ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา
▲ ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย (TFA)

งานนี้แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงงานสัมมนาและช่วง Networking พูดคุยแลกเปลี่ยนนามบัตร โดยในช่วงแรกได้รับเกียรติจาก ดร.วิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย เป็นประธานกล่าวเปิดงานสัมมนา พร้อมบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘How Thainess future food drives the Thai economy opportunities and cooperation with Japan’ โดยกล่าวถึงความสำคัญของ Future Food ว่า Future Food หรือ อาหารแห่งอนาคต เกิดจากการปรับตัวของอุตสาหกรรมอาหาร มีลักษณะสำคัญคือ เป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์เทรนด์คนรุ่นใหม่ และมีการใช้นวัตกรรมร่วมด้วย ทั้งนี้ ประเทศไทยจำแนกประเภท Future Food ออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

1) Functional Food & Ingredients เช่น ผลิตภัณฑ์ โพรไบโอติกส์, Nutrition Adjustment
2) Medical & Personalised Food เช่น อาหารเพื่อผู้สูงวัย ผู้ป่วย เด็กทารก
3) Organic Food เช่น ผัก ผลไม้ออร์แกนิก
4) Alternative Protein โปรตีนทางเลือก เช่น โปรตีนจากพืช (Plant-based), โปรตีนจากแมลง (Insect-based), โปรตีนจากจุลินทรีย์ (Microbial-based), โปรตีนจากสาหร่าย (Algae-based)

ดร.วิศิษฐ์เน้นย้ำถึงศักยภาพด้านอุตสาหกรรม Future Food ของไทยว่า “ประเทศไทยมีพื้นฐานการผลิตโปรตีนทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Plant-based มีศักยภาพในการเป็นฮับของภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งเรายังเป็นแหล่งวัตถุดิบหลากหลายชนิด อย่างไรก็ตาม เรายังต้องการนวัตกรรมเพื่อมาเติมเต็ม”

คุณสิรินยา ลิม
▲ คุณสิรินยา ลิม ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.)

ลำดับถัดมา คุณสิรินยา ลิม ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ขึ้นบรรยายภายใต้หัวข้อ ‘ภาพรวมการผลิตอาหารอนาคตในไทย โดยเฉพาะโปรตีนทางเลือกและแนวโน้มของตลาดโลก’ โดยชี้ให้เห็นว่า ประเทศไทยส่งออกอาหารเป็นอันดับที่ 14 ของโลก และส่งออกโปรตีนทางเลือกเป็นอันดับที่ 25 ของโลก ทั้งนี้ ตลาดโปรตีนทางเลือกของไทยมีมูลค่า 50,000 ล้านบาท แบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 6,500 ล้านบาท และมูลค่าตลาดในประเทศ 43,500 ล้านบาท สำหรับมูลค่าตลาดในประเทศ ประกอบไปด้วยโปรตีนกลุ่มดั้งเดิม เช่น นมถั่วเหลือง 34,100 ล้านบาท และกลุ่มนวัตกรรมใหม่ เช่น เนื้อเทียมจากพืช 9,400 ล้านบาท

ด้านแนวโน้มการบริโภคโปรตีนทางเลือกในไทย คุณสิริยาได้ยกงานวิจัยในปี 2023 จาก Madre Brava ที่สำรวจแนวโน้มและทิศทางการบริโภคอาหารของผู้บริโภคไทยกว่า 1,500 คน พบว่า 67% ต้องการลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลดภายใน 2 ปี ทั้งนี้ ยังมีข้อจำกัดในการบริโภคโปรตีนทางเลือก โดยเหตุผลหลัก ได้แก่ ราคาสูง เข้าถึงได้ยาก สินค้ายังไม่ค่อยมีความหลากหลาย และความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพสินค้า

นอกจากนี้ ยังเน้นย้ำว่าโปรตีนจากพืชนับเป็นโอกาสสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารของไทย ฝั่งรัฐบาลไทยมีการขับเคลื่อนโดยออกมาตรการสนับสนุนการลงทุน Future Food มุ่งเน้นกลุ่ม Functional Food และโปรตีนทางเลือกเป็นหลัก พร้อมทั้งส่งเสริมการลงทุนด้านการแปรรูปขั้นสูง รวมถึงการวิจัยและพัฒนา (Research & Development : R&D) แบบครบวงจร และพัฒนาการตลาด Future Food เช่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลกินเจ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญของโปรตีนทางเลือก เห็นได้จากสถิติปี 2566 มีมูลค่าเงินสะพัดมากกว่า 44,500 ล้านบาท

คุณฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์
▲ คุณฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ อัครราชทูต (ฝ่ายพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

ต่อจากนั้น คุณฉันทพัทธ์ ปัญจมานนท์ อัครราชทูต (ฝ่ายพาณิชย์) สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยแนวโน้มของ Future Food ในญี่ปุ่นว่า กลุ่มที่มีการเติบโตดีที่สุดคือ กลุ่ม Functional Food ปัจจุบันมีขนาดตลาดอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านเยน คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของตลาด Health & Beauty Food เติบโตจากเมื่อ 10 ปีก่อนที่มีสัดส่วนเพียง 1 ใน 4 เท่านั้น ด้านกลุ่มอาหาร Plant-based ส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ส่วนกลุ่มอาหารออร์แกนิกนับว่ามีการเติบโตที่ดี ขนาดตลาดของกลุ่มนี้ในญี่ปุ่นใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียรองจากประเทศจีน ทั้งนี้ ญี่ปุ่นมีความต้องการอาหารออร์แกนิกเยอะ แต่ผลิตได้น้อย สินค้าส่วนใหญ่มีเพียงผักและข้าวออร์แกนิก จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการนำเข้าอาหารกลุ่มนี้

นอกจากนี้ คุณฉันทพัทธ์ยังแนะนำเกี่ยวกับกฎระเบียบและขั้นตอนที่ควรรู้ก่อนส่งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่น พร้อมยกตัวอย่างบทบาทของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการชาวไทยที่ต้องการทำตลาดในต่างประเทศ

คุณ Mitsuru Anthony Ueno
▲ คุณ Mitsuru Anthony Ueno ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัท Next Meats USA

สำหรับตัวแทนจากฝั่งญี่ปุ่น คุณ Anthony Ueno ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) บริษัท Next Meats USA ผู้ผลิตเนื้อเทียมจากพืช (Plant-based) ได้ร่วมแชร์ประสบการณ์การทำการตลาดในประเทศญี่ปุ่นว่า เดิมทีบริษัทจำหน่ายเนื้อเทียมจากพืช รูปแบบ B2C แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ หันมาจำหน่ายแบบ B2B โดยจัดส่งไปยังโรงแรมและร้านอาหาร เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายคือคนที่รับประทานมังสวิรัติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ มีการส่งออกสินค้าไปยังประเทศในแถบยุโรปและอเมริกาอีกด้วย สำหรับความกังวลเรื่องอาหารแปรรูปสูง (Ultra-processed Food) คุณ Ueno กล่าวว่า บริษัทได้แก้ไขปัญหานี้ด้วยการลดวัตถุดิบหลักให้เหลือเพียงน้ำ น้ำมัน และถั่วเหลือง ตัวเนื้อจะไม่มีรสชาติ เพื่อให้นำไปปรุงรสหรือประกอบอาหารได้ตามต้องการ

▲ บรรยากาศช่วงอภิปราย Panel Dicussion โดย 4 ตัวแทนผู้ประกอบการไทย

ช่วงท้ายของงานสัมมนาเป็นการอภิปรายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในรูปแบบ Panel Discussion จาก 4 ตัวแทนผู้ประกอบการไทย นำโดย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท โกลเบิลฟูดเทรดดิ้ง จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกอาหารเอเชีย เจ้าของแบรนด์เนื้อเทียมจากพืช “Absolute Plant”, บริษัท เดอะ บริคเก็ต จำกัด ผู้วิจัยและพัฒนา Future Food จากแมลงและระบบบริหารจัดการฟาร์มจิ้งหรีดด้วยนวัตกรรม และ บริษัท แอดวานซ์ กรีนฟาร์ม จำกัด Startup ด้าน Food Tech ผู้พัฒนาเทคโนโลยีในการเพาะเลี้ยง Wolffia หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อผำหรือไข่น้ำ

คุณภีมเดช ตัวแทนจาก CPF แสดงความคิดเห็นต่อตลาดโปรตีนทางเลือกว่า “แม้ปัจจุบันตลาดอาจดูซบเซา แต่ในอนาคตน่าจะเติบโตได้อีก หากโปรตีนทางเลือกมีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดี ซึ่งจุดนี้ต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย” ทั้งยังเผยว่า ขณะนี้ CPF กำลังศึกษาโปรตีนจากเห็ดราและโปรตีนจากการเพาะเลี้ยงด้วย โดยไม่ได้มองว่าโปรตีนเหล่านี้จะมาแข่งขันกับโปรตีนจากพืช แต่เป็นการนำจุดเด่นของแต่ละรูปแบบมาส่งเสริมซึ่งกันและกัน

สุดท้ายนี้ เหล่าผู้ประกอบการได้ฝากสาสน์ถึงชาวญี่ปุ่น โดยคุณธนาภูมิ ตัวแทนจากเดอะบริคเก็ต กล่าวว่า “ราคาเป็น Pain Point ของโปรตีนทางเลือก ซึ่งเทคโนโลยีและ Know-how จากญี่ปุ่นมีส่วนช่วยลดต้นทุนและช่วยให้ตลาดโปรตีนทางเลือกเติบโตขึ้นด้วย” ด้านคุณวิษุวัต ตัวแทนจากแอดวานซ์กรีนฟาร์ม เสริมว่า “สิ่งที่ต้องการจากฝั่งญี่ปุ่นคือ ความเชี่ยวชาญและการศึกษาเชิงลึก โดยเฉพาะในด้าน Functional Food เนื่องจากการศึกษาด้านนี้จำเป็นต้องใช้ทุนเยอะ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับบริษัท Startup ขนาดเล็ก”

หลังจบงานสัมมนาเป็นช่วงของกิจกรรม Networking เปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานชาวไทยและญี่ปุ่นได้พบปะพูดคุย ทำความรู้จัก แลกนามบัตรและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตามอัธยาศัย พร้อมชิมตัวอย่าง Future Food จากผู้ประกอบการไทยและญี่ปุ่นที่มาร่วมออกบูธ ไม่ว่าจะเป็น Meatly แบรนด์เนื้อเทียมจากพืชจากเบทาโกร มีทั้งเมนูพร้อมปรุงและพร้อมทาน, flo Wolffia นำเสนอหลากหลายเมนูผสมผสานกับผำ, Absolute Plant เนื้อเทียมจากพืชในสไตล์อาหารไทยที่คุ้นเคย และผลิตภัณฑ์จากแบรนด์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

กล่าวได้ว่างาน Networking ครั้งนี้ บรรลุผลสำเร็จในการส่งเสริมการขยายเครือข่าย สร้างโอกาสเชื่อมโยงบริษัทไทยและบริษัทญี่ปุ่นอันเป็นพันธกิจหลักของ TJRI หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมครั้งต่อไปจะได้รับความสนใจจากทุกท่านเช่นเดียวกับที่ผ่านมา

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะจัดขึ้นในอนาคตได้ทาง เว็บไซต์ THAIBIZ (สื่อธุรกิจภาษาญี่ปุ่นดำเนินงานโดย TJRI) (ภาษาญี่ปุ่น)

บทความที่เกี่ยวข้อง